วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

น้ำตกถ้ำโสดา

น้ำตกถ้ำโสดา

น้ำตกถ้ำโสดา  ต.ภูเขาทอง อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด
น้ำตกถ้ำโสดา ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับอ่างเก็บน้ำห้วยพุงใหญ่ ถ้าจะมาใช้เส้นทางเดียวกัน

                                                      



แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามที่สุดแห่งเดียวในจังหวัดร้อยเอ็ดอยู่ที่ไหนกัน หลายคนคงบอกว่า “น้ำตกถ้ำโสดา” น่าไปที่สุด เพราะไปที่เดียวสามารถเที่ยวได้ทั้งน้ำตกและถ้ำไปพร้อมๆกัน แล้วคุณหล่ะสนใจอยากไปเที่ยวบ้างมั้ย… 

 น้ำตกถ้ำโสดา เป็นน้ำตกถ้ำขนาดใหญ่ที่มีความสูงประมาณ 50 เมตร โดยน้ำตกนั้นอยู่ที่อยู่ในพื้นที่บ้านโนนสมบูรณ์ หมู่ 9 ตำบลภูเขาทอง อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด อยู่ทางด้านทิศตะวันออกฉัยงเหนือของจังหวัด
                    ความเป็นมาของน้ำตกถ้ำโสดา 
                  แต่เดิมนั้นมีสองสามี-ภรรยา ชื่อ นายเล่นโส และ นางดา ทุกวันทั้งคู่จะออกไปหาอาหารป่าบริเวณภูเขียว ไปกันสองสามี-ภรรยาตามประสาชาวบ้านทั่วๆไป หลังจากหาไปได้สักพัก ก็รู้สึกว่าเหนื่อยล้าก็จะกลับมาพักที่ถ้ำแห่งนี้เป็นประจำ จนชาวบ้านได้เรียกชื่อว่าถ้ำโส-ดานั่นเอง  ต่อมา ในปี 2540 ได้บูรณะเป็นแหล่งท่องเที่ยว และยังเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ถ้ำโสดา อีกทั้งธรรมชาติโดยรอบน้ำตกก็ร่มรื่นเหมาะแก่การมาพักผ่อนเป็นอย่างมากค่ะ

สัมผัสสายลมเย็น ณ ภูเรือ จังหวัดเลย

สัมผัสสายลมเย็น ณ ภูเรือ จังหวัดเลย

ภูเรือ

ภูเรือ

ภูเรือ

ภูเรือ

ภูเรือ

ภูเรือ



          ยู้ฮู้... วันนี้เรามีสถานที่ท่องเที่ยวเจ๋ง ๆ มาแนะนำเพื่อน ๆ กันอีกแล้ว... ขอบอกว่าคราวนี้ขอเอาใจคนชอบ "ลมหนาว" (แต่คงไม่อยากเหงาใจ) โดยเฉพาะ เพราะที่นี่อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี แถมมีดีไม่แพ้ที่ไหน ๆ นั่นก็คือ... อุทยานแห่งชาติภูเรือ หรือที่ใคร ๆ มักเรียกกันสั้น ๆ ว่า "ภูเรือ" นั่นล่ะ ว่าแล้ว... เราไปทำความรู้จักกับ "ภูเรือ" กันเลยดีกว่า...

          อุทยานแห่งชาติภูเรือ ตั้งอยู่ในเขตตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ และอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย อาณาเขตทางทิศเหนือติดกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เป็นภูเขาสูงใหญ่ บนยอดเขาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีต้นสนขึ้นสลับซับซ้อน มีลักษณะแปลก คือ มีส่วนหนึ่งเป็นผาชะโงกยื่นออกมาเหมือนหัวเรือสำเภาใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 75,525 ไร่ ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2522 เดือนที่เหมาะมาเที่ยวคือ เดือนตุลาคม ถึง มีนาคม

          เอาล่ะ!! ได้เวลาไปดูกันแล้วว่าที่อุทยานแห่งชาติภูเรือมีจุดไหนน่าสนใจและน่าเที่ยวกันบ้าง


ภูเรือ

ภูเรือ

ภูเรือ

ภูเรือ
ภูเรือ

          เริ่มกันที่ "จุดชมทิวทัศน์เดโช" เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ในวันที่อากาศดี นักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นภูต่างๆ ของเมืองเลยได้ (ว้าว...) หรือจะเลือกไปจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบอกว่าสวยงามมากๆ ที่ "ผาโหล่นน้อย" อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ ประมาณ 3 กิโลเมตร จากจุดนี้จะมองเห็นภูหลวง ภูผาสาด ภูครั่ง และทะเลภูเขาสลับซับซ้อน 

          ต่อกันที่ "ผาซำทอง" อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร เป็นหน้าผาสูงชัน และแหล่งน้ำซับที่มีพืชน้ำไลเคนสีเหลืองคล้ายสีทองขึ้นเต็มไปทั่ว จึงเรียกว่า "ผาซำทอง" เปลี่ยนแนวไปเที่ยวน้ำตกกันบ้างที่ "น้ำตกห้วยไผ่" ตั้งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเรือ ประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่ไหลลงมาจากหน้าผาสูงชัน มีความสูงประมาณ 30 เมตร อย่างไรก็ตาม น้ำตกแห่งนี้นำไปใช้ทำน้ำประปาในอำเภอภูเรือด้วย


ยอดภูเรือ

ภูเรือ

ภูเรือ
          "ยอดภูเรือ" เป็นจุดที่สูงที่สุดในอุทยานแห่งชาติภูเรือ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,365 เมตร บริเวณโดยรอบเป็นลานหินที่มีทุ่งหญ้าขึ้นแซมสลับกับป่าสน มีทั้งสนสองใบที่ขึ้นตามธรรมชาติ และสนสามใบที่เป็นสนปลูก จากจุดนี้... ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นแม่น้ำเหือง และแม่น้ำโขงที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย - ลาวได้ 

          อย่างไรก็ตาม ที่อุทยานแห่งชาติภูเรือยังมีจุดที่น่าสนใจและน่าเที่ยวอีกหลายแห่ง เช่น ถ้ำหินแตก หินค้างหม้อ หินวัวนอน หินพานขันหมาก หินพระศิวะ สวนหินเต่า ซึ่งหินเหล่านี้มีรูปร่างตามชื่อเรียก ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าช่วงปลายฝนต้นหนาวมีดอกไม้เล็กๆ ขึ้นอยู่ทั่วไปสวยงามมากๆ ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ โทร. 0-4288 -4144 ... แล้วเจอกันที่ "อุทยานแห่งชาติภูเรือ" นะคะ

ภูเรือ

ภูเรือ

ภูเรือ

การเดินทาง 

          จากตัวเมืองเลยใช้ทางหลวงหมายเลข 203 (เลย - ภูเรือ) ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาบริเวณหลักกิโลเมตร 49 - 50 ตรงที่ว่าการอำเภอภูเรือ เข้าไปเป็นทางลาดยางประมาณ 8 กิโลเมตร รถยนต์สามารถขึ้นได้ และมีทางเดินเท้า 700 เมตร ก็จะถึงยอดภูเรือ 

วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2556

แก่งกะเบา จ.มุกดาหาร



                                            แก่งกะเบา จ.มุกดาหาร


              แก่งกะเบา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมาก และสถานที่ที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานมากแก่งกะเบาตั้งอยู่ในเขตบ้านนาแกน้อย ต.ป่งขาม อ.หว้านใหญ่ จ.มุกดาหาร ห่างจากตัวจังหวัดมุกดาหาร 35 กม. 




      มีอาณาเขตติดต่อ กับ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ห่างจากอ.ธาตุพนมเป็นระยะทาง 24 กม. และอยู่ตรงข้าม คือ บ้านแก่งกะเบา เมืองไชยบุรี สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ซึ่งมีลำน้ำโขงเป็นเส้นกั้นกลาง 

      ลักษณะเด่นของแก่งกะเบา คือ มีแก่งหินและโขดหินที่ขวางกั้นแม่น้ำโขง สายน้ำโขงที่ไหลมาจะมากระทบกับแก่งหินและมีการกัดเซาะทำให้เกิดรูปร่างที่สวยงาม ในบางที่จะเป็นลักษณะเหมือนกับหลุมลึกบางที่ก็จะเป็นลักษณะเหมือนถ้ำใต้น้ำซึ่งมีความสวยงามมากในช่วงฤดูร้อน ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนหย่อนใจมากมายทั้งมาทำกิจกรรมภายในครอบครัวหรือแม้กระทั่งมาเล่นน้ำก็ตาม      ในตัวแก่งกะเบานั้นตรงที่ที่สายน้ำไหลอยู่ตลอดเวลาจะไม่มีตระไคร่น้ำติดเพราะว่าน้ำพัดอยู่ตลอดเวลาแต่ตรงที่น้ำไหลไม่แรงหรือไม่ไหลเลยนั้นควรจะระมัดระวังเพราะอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ 

      ภายในแก่งกะเบานั้นก็จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร บริเวณแก่งก็จะมีห่วงยางให้เช่าสำหรับผู้ที่ต้องการลงเล่นน้ำ ก็มีบริการเสมอ แต่ในช่วงกลางวันนั้นอาจจะอากาศร้อนนิดหน่อยเพราะว่าในแก่งนั้นจะไม่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาควรเอาร่มหรือหมวกกันแดดไปด้วย 

      แก่งกะเบานั้นในสมัยก่อนมักจะมีต้นกะเบาซึ่งมีลักษณะคล้ายๆกับต้นมะกอก แต่ในปัจจุบันนั้นไม่มีให้เห็นแล้วและบางคนอาจจะคิดว่าบ้านทางด้านไทยนั้นคือบ้านแก่งกะเบา แต่จริงๆแล้วบ้านแก่งกะเบาตั้งอยู่ทางฝั่งประเทศลาวนั้นเอง เมื่อมองดูดีดีจะเห็นตึกสีขาว ซึ่งนั้นก็คือโกดังสินค้าเก่าเมื่อสมัยที่ฝรั่งเศส เข้ามายึดลาวเป็นเมืองขึ้นใหม่ๆนั้น ก็ได้มีการนำเรือกลไฟขนข้าวของสัมภาระและเครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆมาเก็บไว้ที่ 

       และเมื่อสังเกตดีดีก็จะเห็นเสาคอนกรีต อยู่กลางลำน้ำโขง สิ่งนั้นก็คือ เสาที่ทางฝรั่งเศสทำไว้เพื่อบอกทิศทางแก่เรือกลไฟเพราะว่าแม่น้ำโขงบริเวณแก่งกะเบานี้เป็นแก่งหินทรายที่มีลักษณะเป็นเกาะแก่งมากมายจึงต้องทำการระเบิดหินเพื่อเปิดเป็นทางเพื่อที่เรือกลไฟจะได้เดินทางได้สะดวกแต่ก็ยังไม่ปลอดภัยมากนักจึงได้ทำเสาหินขึ้นโดยที่จะมีการทาสีเป็นสัญลักษณ์ไว้ 

       แต่ในปัจจุบันด้วยกาลเวลาและสภาพอากาศแล้วก็ทำให้สีที่ทาไว้นั้นเลือนหายไปมากจนไม่มีเค้าเดิมว่าเป็นเช่นไรแต่ก็มีการสันนิฐานว่าอาจจะเป็นเสาคอนกรีตสีดำกับแดงก็ได้ โดยที่เสาที่ทางสีดำนั้นอาจจะบอกว่าทางซ้ายของเสานั้นมีเกาะแก่งทางขวาเป็นร่องน้ำที่ทำไว้ให้หันเรือไปทางขวาส่วนสีแดงก็คือทางซ้ายนั้นเป็นร่องน้ำขวาคือเกาะแก่งควรที่จะเลี่ยงไปทางด้านซ้ายของเสาเพื่อความปลอดภัย 

วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ชวนรับตะวันก่อนใครในสยาม@ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม




ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม

ผาชะนะได
คำขวัญแห่ง ผาชะนะได 
"ผาริมโขง ในเขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ดินแดนตะวันออกสุดสยาม"
ผาชะนะได เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจด้วยหน้าผาที่ยื่นออกไปรับลมบนที่สูง ปกคลุมด้วยป่าสนสองใบ ทิวทัศน์เบื้องหน้าเป็นทิวเขาสลับซับซ้อน และ ผาชะนะได เป็นจุดที่กรมอุตุนิยมวิทยาใช้คำนวณพยากรณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นของประเทศ ด้วยการเห็นลำแสงแรกเริ่มของ ตะวัน ณ เส้นแวงที่ 105 องศา 37 ลิปดา 17 ฟิลิปดา
ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี
อีกหลายจุดชมวิวทางผ่านไปสู่ของ ผาชะนะได คือ ลานดอกไม้ดิน และการชมพะลานหิน ได้แก่ พะลานหินวัดภูอานนท์ พะลานถ้ำไฮ พะลานภูโลง พะลานผายะยืด พะลานวัดถ้ำอมรถ้ำ ถ้ำปาฏิหาริย์ ถ้ำฝ่ามือแดงบ้านปากลา ผาที่วัดภูอานนท์โหง่นแต้ม เสาเฉลียง และหินโยกมหัศจรรย์ ซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 50 ตัน แต่ใช้แรงเพียงคนเดียวโยกได้ หรือจะท่อง ป่าดงนาทาม ซึ่งมีความหลากหลายทางธรรมชาติ เป็นแหล่งเดินป่ายอดนิยมสำหรับนักผจญภัย
ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี
และตามสูตรที่สูง ทะเลหมอก คือหนึ่งไฮไลท์ของ ผาชะนะได เชื่อกันว่า ใครมีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเป็นคนแรก เปรียบเสมือนการเพิ่มพลังให้ชีวิตโชติช่วงดังแสงที่ตัดเส้นขอบฟ้า ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของการเที่ยว ผาชนะได คือ ปลายฝนต้นหนาว (ปลายตุลาคม-กุมภาพันธ์) เพราะอากาศที่เริ่มเย็นทำให้ดอกไม้นานาชนิดบานสะพรั่ง
 ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อุบลราชธานี
พระอาทิตย์ทอแสงผ่านม่านหมอก ที่ ผาชะนะได
ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
การเดินทางสู่ ผาชนะได มี 3 เส้นทาง คือ
1. เริ่มจากวัดถ้ำปาฏิหาริย์ ผ่านน้ำตกกรีช ผ่านหินเต่าชมจันทร์ สักระยะจะผ่านตาน้ำ ต่อจากนั้นจะพบกับทุ่งหญ้า ลานดอกไม้ และพะลานหินถ้ำไฮ มาถึงเสาเฉลียงคู่ ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ต่อด้วยโหง่นแต้ม ถัดไปจึงเป็นจุดชมวิว “เนินสนสองใบ” และไม่นานก็ถึง น้ำตกห้วยพอก สิ้นสุดปลายทางของ ผาชนะได รวมระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร
2. เริ่มจากจุดชมเถาวัลย์ยักษ์ ในเขต ต.นาโพธิ์กลาง ตลอดการเดินทางจะเห็นทิวทัศน์ของลำน้ำโขงและแมกไม้ และไฮไลท์สำคัญอย่าง ภูจ้อมก้อม หินโยกมหัศจรรย์ ขนาด 50 ตัน ที่สามารถโยกได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากนั้นจะบรรจบกับเส้นทางที่หนึ่ง ตรงบริเวณเนินสนสองใบ เพื่อชมธรรมชาติหาดูยากอย่าง ต้นสนภูเขา รวมระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร
3. เริ่มจากบ้านปากลา เป็นเส้นทางที่ท้าทายนักเดินป่า เพราะต้องผ่านช่องเขาและผาสูง ระหว่างทางจะพบจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ น้ำตกกวางโตน พะลานหินแตก เป็นจุดชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้ จากนั้นจะถึง ผากำปั่น ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ ผาชนะได เมื่อเดินต่อไปจะถึงลานที่พัก น้ำตกห้วยพอก สิ้นสุดจุดหมาย รวมระยะทางประมาณ 6-7 กิโลเมตร